นักธรรม (ทำ)
โควิด-19 ระลอกสามหนักหน่วงเหลือเกิน แต่ละวันยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น จากที่เคยคิดว่าโควิดจะค่อย ๆ จางหายลาโลกไป ที่ไหนได้กลับเพิ่มความรุนแรงร้ายกาจขึ้น ทำเอาทุกที่เงียบราวสุสาน มาจริง เจ็บจริง ตายจริง ไม่อิงตัวแสดงแทน เราต้องเห็นใจหมอ พยาบาล และบุคลากรทางแพทย์ให้มาก ๆ ครั้นพอจะได้พักหายใจหายคอ ยังไม่ทันอากาศจะเต็มปอด อ้าว…เหนื่อยอีกแล้วหรือนี่! รอบนี้ยิ่งหนักและเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัว ไหนจะต้องรับมือกับเสียงก่นบ่น เสียงเรียกร้อง ประชดประชันกระแนะกระแหน ไอ้ที่ปลงได้ก็มองเป็นความสวยงามของโลกมนุษย์ มีไม่น้อยก็ต้องระทดท้อกันบ้าง คนที่ทำก็ทำไป คนที่พูดก็พูดไปเรื่อย วิจารณ์ในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำนั้น ง่าย แต่ให้ตายเถอะ พวกนี้ก็ไม่กล้าลงมือทำซะด้วย สิ่งที่เราต้องมองดูว่าโควิดรอบนี้เกิดจากอะไรเล่า จากแหล่งที่เป็นอธรรมอบายมุขทั้งสิ้น ใช่หรือเปล่า
จากความเห็นแก่ตัว เห็นแก่สุขชั่วครั้งชั่วคราว มีแต่ความสนุกที่นำทุกข์มหันต์มาให้ เราละเลยที่จะปฏิบัติตามระเบียบ ละเลยไม่ใส่ใจที่จะทำตามคำแนะนำ คิดว่าธุระไม่ใช่ ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นกำลังสอนเราว่า การที่เราจะทำอะไรสักอย่าง โดยที่เราตั้งใจไว้ เเล้วทุกอย่างจะออกมาได้ดี เมื่อเราเริ่มลงมือทำไปเเล้ว เมื่อเรากระทำอย่างดีนั่นแหละคุณธรรมจะบังเกิด เราจึงจะเป็นนักธรรมต่อไปได้ และนักธรรมนี้จะทำเพื่อปกป้องคนอื่น ทำอะไรมองเห็นคนอื่นเป็นที่ตั้ง น้ำใจในยามนี้ คือ สิ่งสำคัญสุด อย่าให้ทุกอย่างพังทลายลงไป ด้วยความเห็นแก่ตัว ด้วยคำพูดดูถูกกัน เพราะบางครั้งเรื่องราวอาจจะไม่จบเหมือนดังนิทานเสมอไป
หญิงสาวคนหนึ่งมีฐานะร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน นางจึงชอบพูดจาดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ รวมทั้งไม่เคยมีน้ำใจให้กับใคร แล้วยังคิดว่าข้าวของทุกสิ่งที่ตัวเองมีนั้น ล้วนดีกว่าของคนอื่นๆ ไม่มีใครจะมีอะไรที่ดีไปกว่านาง คนในหมู่บ้านจึงไม่ชอบนาง หรืออยากจะคบหาพูดคุยด้วย
“ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากจะพูดคุยกับคนพวกนี้เท่าไหร่ ” นางบอกกับตัวเอง
วันหนึ่งในฤดูหนาว บ้านของนางถูกไฟไหม้ ข้าวของเงินทองเสียหายเกือบหมด กลาย เป็นคนยากจนไม่มีแม้แต่หม้อจะหุงข้าว นางได้เดินไปยังบ้านหญิงชราที่อยู่ไม่ไกลนัก “บ้านฉันถูกไฟไหม้ ฉันพอมีข้าวสารเหลืออยู่บ้าง อยากขอยืมหม้อหุงข้าวสักหน่อย จะได้ไหม?”
หญิงชราเจ้าของบ้านจึงตอบไปว่า “จำได้ไหม นางเคยบอกว่า กระโถนที่บ้านนางยังดีกว่าหม้อหุงข้าวบ้านฉัน เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปเลยนะ แต่ฉันจะแบ่งข้าวให้กินบ้างก็แล้วกัน” หญิงสาวยื่นมือไปรับห่อข้าวจากหญิงชราด้วยความรู้สึกละอายใจ พร้อมคำพูดเบา ๆ ว่า “ขอบใจจ้ะ”
ตกดึกลมหนาวพัดแรง นางนอนตัวสั่นเพราะความหนาว ไม่มีผ้าห่มสักผืนที่จะคลุมกาย รุ่งเช้านางจึงเดินฝ่าลมหนาวไปหาชายชราคนหนึ่งที่อยู่ถัดจากบ้านหญิงชราไป “บ้านฉันถูกไฟไหม้ เสื้อผ้า ผ้าห่ม ไม่มีเหลือเลย ลุงพอจะมีผ้าห่มให้ฉันสักผืนไหม?
ชายชราได้ฟังเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีแต่ผ้าห่มเก่า ๆ ที่นางเคยบอกว่าเหมือนผ้าขี้ริ้วบ้านนาง แต่ถ้าไม่รังเกียจข้าก็จะแบ่งให้ใช้” เมื่อหญิงสาวบอกว่าไม่รังเกียจ ชายชราจึงนำผ้าห่มผืนเก่าที่ซักไว้สะอาดมามอบให้ผืนหนึ่ง “ขอบใจนะจ๊ะ” หญิงสาวรับผ้าห่มจากชายชราด้วยความรู้สึกละอายใจเช่นกัน คืนนั้น ผ้าห่มเก่า ๆ ก็ช่วยให้นางพอคลายหนาวได้ นางนอนครุ่นคิดถึงคำพูดและการกระทำที่ผ่านมาของตัวเองแล้วก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ของที่ดีไม่อาจช่วยอะไรเราได้ คนดีต่างหากที่ได้ช่วยเรา และสิ่งที่ทุกคนมีดีกว่าเราก็คือ น้ำใจ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาค้าขายกอบกู้ฐานะ จนกลับมาร่ำรวยอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้นางได้กลับตัวเป็นคนใหม่ที่มีน้ำใจเอื้ออารี และไม่พูดจาดูถูกใครอีกเลย นางจึงเป็นที่รักของคนในหมู่บ้านตลอดมา (ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์)
บางทีเราก็เป็นเหมือนแกะที่เอาแต่รอคอย เรียกหาแต่คนเลี้ยง เรียกร้องขอความช่วยเหลือตลอดเวลา หรืออาจจะเป็นแกะที่สนใจแต่หญ้าเขียวจนลืมฝูงและไม่ระวังอันตรายที่มีรอบด้าน แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกันเหมือนฝูงแกะในข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝูงแกะนับร้อยถูกพบว่าทำพฤติกรรมประหลาดอยู่ท่ามกลางทุ่ง โดยมันยืนเรียงกันเป็นวงกลมอย่างไม่ทราบสาเหตุและดูแปลกประหลาดในแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน แต่สุดท้ายมีคำตอบ คือ การปกป้องลูกแกะตัวน้อยที่อยู่วงในสุด เพื่อไม่ให้หมาป่ามาล่านั่นเอง นี่คือ วิถีของนักธรรมที่มีน้ำใจ ไม่ใช่เอาแต่จะรอคอยคนเลี้ยงเพียงอย่างเดียว สถานการณ์วันนี้เราต้องเป็นเช่นแกะฝูงนี้ให้ได้ เพื่อเราจะได้รอดปลอดภัยจากโรคร้ายเร้ารุม….
คนข้างวัด
สามารถติดตามอ่านบทความ“คนข้างวัด”และร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่