สวัสดีพี่น้องสัตบุรุษทุกท่าน
เราเดินทางมาถึงสัปดาห์ที่ 3 ในเทศกาลปัสกา ยังคงชื่นชมยินดีกับการที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ไทย กับเทศกาลสงกรานต์ที่พึ่งผ่านมา แม้จะไม่ได้สาดน้ำให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ แต่เรายังคงมาวัดเพื่อเพิ่มพลังใจให้พร้อมก้าวหน้าต่อไปบนเส้นทางชีวิตคริสตชนให้ชุ่มฉ่ำไปด้วยพระพร
พระวรสารวันนี้ ลูกาได้ยืนยันว่า การสำแดงพระองค์และคำแนะนำสุดท้ายแก่บรรดาอัครสาวกซึ่งเป็นเนื้อหาหลักของพระวรสารวันนี้ เราอาจกล่าวได้ว่าประเด็นสำคัญที่สุดที่ลูกาต้องการบอกเราในบทนี้คือ “พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจริง” ! เพราะตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมามักจะมีเหตุการณ์ที่หลายคนไม่เชื่อ และพยายามกล่าวหาว่าบรรดาศิษย์มาขโมยพระศพไป และพระวรสารวันนี้เองที่ได้ให้เหตุผลถึง 3 ประการด้วยกันว่า พระคริสตเจ้าได้กลับคืนชีพแล้วจริงๆ
เหตุผลแรกคือ บรรดาสตรีไม่พบพระศพในพระคูหา แต่พบทูตสวรรค์สองคนพูดว่า ‘ทำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตายเล่า พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว จงระลึกถึงพระวาจาที่พระองค์ตรัสกับท่านขณะที่ยังประทับอยู่ในแคว้นกาลิลีว่า บุตรแห่งมนุษย์จำต้องถูกมอบในเงื้อมมือของคนบาป จะต้องถูกตรึงกางเขน และจะกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม’ (ลก 24:5-7)
เหตุผลที่สองคือ พระเยซูเจ้าทรงประทับที่โต๊ะอาหารร่วมกับศิษย์สองคนแห่งเอมมาอูส “พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ทรงถวายพระพร ทรงบิขนมปังและยื่นให้เขา เขาก็ตาสว่างและจำพระองค์ได้” (ลก 24:30-31)
เหตุผลที่สามคือสิ่งที่เราได้ฟังในวันนี้ นั่นคือพระองค์ทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาอัครสาวกซึ่งกำลังสนทนากันอยู่ใน “ห้องชั้นบน” ที่เคยใช้เลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้าย
พวกอัครสาวกต่างตกใจกลัวคิดว่าเห็นผี จนพระเยซูเจ้าอดตำหนิไม่ได้ว่า “เพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจ” พร้อมกับท้าทายพวกอัครสาวกว่า “จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริง ๆ จงคลำตัวเราดูเถิด ผีไม่มีเนื้อ ไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี” แล้วพระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และพระบาทจริง ๆ เท่านั้นยังไม่พอ พระองค์ทรงรับปลาย่างชิ้นหนึ่งมาเสวยต่อหน้าพวกเขาอีกด้วย !
ทั้งหมดนี้แปลเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากว่า พระคริสตเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพไม่ใช่ผี ไม่ใช่วิญญาณ และไม่ใช่เงา แต่เป็นพระเยซูเจ้าองค์เดียวกับที่ได้สิ้นพระชนม์จริง…
ปลัดณัฐ ณ เซนต์หลุยส์