ประวัตินักบุญหลุยส์ กษัตริย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เที่ยงธรรม และเมตตา
กษัตริย์หลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส เป็นองค์รัชทายาทสืบราชสมบัติในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 12 ปีเมื่อพระราชบิดาจากโลกนี้ไป พระนางบลองซ์แห่งคาสตรีย์ ทรงเป็นทั้งพระราชมารดา และผู้สำเร็จราชการพรานางทรงอบรมเลี้ยงดู เตรียมพระราชโอรสให้เป็นแบบอย่างของกษัตริย์คริสตังที่ดี และได้รับการยกย่องสรรเสริญตลอดมา
ชีวิตในครอบครัว
เมื่อมีพระชนมายุ 20 พรรษา พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอริคแห่งโพรวองซ์ พระองค์ทรงรักพระมเหสีมาก และทรงดำเนินชีวิตครอบรัวในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงใช้เวลา 3 คืนแรกหลังงานอภิเษกในการสวดภาวนา และทรงสัตย์ซื่อต่อพระมเหสีจนตลอดชีวิต พระเจ้าหลุยส์ทรงเลี้ยงดูบุตร ธิดาทั้ง 11 องค์ตามแบบอย่างคริสตังที่ดี
ชีวิตในฐานะกษัตริย์
ทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หลุยส์ที่ 9 พระปรีชาญาณและบุคลิกที่ดีเด่นของพระองค์ เป็นที่เล่าขานกันทั่วทวีปยุโรป โดยเฉพาะพระปรีชาญาณในการตัดสินใจให้ความยุติธรรมแก่ผู้คนทั้งในและนอกประเทศ ภาพของพระองค์ขณะประทับอยู่ใต้ต้นโอ๊ค ในป่าแว็งแซนส์ (Vincennes) ขณะทรงตัดสินคดี เพื่อให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงรับคำร้องของประชนทุกคน และทรงอนุญาตให้ทุกคนเข้าเฝ้าเพื่อทรงตัดสินคดีความได้ทุกคดี นอกจากนั้น พระองค์ทรงตรากฎหมาย ห้ามมิให้ผู้พิพากษาทุกคนรับของกำนัลใด ๆ
นอกจากเรื่องการให้ความเป็นธรรมแล้ว พระองค์ทรงให้ความรักแก่คนยากจนและผู้เจ็บป่วย ทำแผลดูแลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง ทรงรับประทานอาหารร่วมกับผู้ยากไร้ และคนตาบอด เพราะทรงแลเห็นพวกเขาเป็นพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมาน การให้เวลาเพื่อช่วยผู้ที่ตกอยู่ในความลำบากต่าง ๆ นั้น มิได้เป็นอุปสรรคใด ๆ ต่อการปกครองพระราชอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองอย่างเสมอภาคในเรื่องการเก็บภาษี และโปรดให้มีการใช้สกุลเงินขึ้นใหม่ ทรงโปรดให้มีการสร้างอาสนวิหาร และท่าเรื่อหลายแห่ง ทรงโปรดให้ทรงที่พักสำหรับนักศึกษาและคนยากจน และทรงหาวิธีช่วยเหลือให้ประชากรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเสมอ
พระนามของพระองค์เป็นที่ลือเลื่องไปทั่ว ทรงได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินคดีความระหว่างประเทศ พระองค์ตรัสเสมอว่า “การใช้กำลังต่อสู้ มิใช่วิธี แก้ปัญหาที่ดี” พระองค์ทรงแสวงหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ความเป็นธรรม ทรงลงพระนามเป็นมิตรกับกษัตริย์ประเทศอังกฤษ โดยยอมสูญเสียดินแดนบางส่วนที่ยังพิพาทกันอยู่ แม้ทรงได้รับการคัดค้านจากบรรดาที่ปรึกษา แต่พระองค์ทรงประกาศว่า “ดินแดนที่เรามอบให้โดยไม่มีพันธะใด ๆ นี้ แสดงถึงความรักที่เรามีต่อลูกหลานของเรา และของอังกฤษ ซึ่งที่จริงก็เป็นเครือญาติกัน” การลงพระนามของพระองค์ในครั้งนั้นยังความสงบแก่ประเทศทั้งสองต่อมาอีกนานหลายปี
สงครามครูเสด
หลังจากที่ทรงหายป่วยอย่างอัศจรรย์ในปี ค.ศ 1244 พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไปร่วมรบในสงครามครูเสดโดยตรัสว่า “พระเป็นเจ้าประทานชีวิตให้เรา เพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราตัดสินใจเช่นนี้” ในปี 1248 ทรงออกเดินทางไปประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจอาราจักรมุสลิม กองทัพของพระองค์ได้รับชัยชนะอยู่บ้าง แต่ที่สุดกองทัพครูเสดก็พ่ายแพ้ และทรงถูกจับที่เมืองมันซูราห์ กระนั้นก็ดี พระองค์ทรงมิได้แสดงความหวาดหวั่น จนเป็นที่ประทับใจของฝ่ายศัตรู และเมื่อทรงถูกขู่สังหาร พระองค์ทรงตอบอย่างเยือกเย็นว่า “พวกท่านคงฆ่าเราได้แค่ร่างกายเท่านั้น แต่ไม่มีวันฆ่าวิญญาณของเราได้” พระองค์ทรงใช้เงินไถ่เหล่าทหาร แต่สำหรับตัวพระองค์เองนั้น ทรงไถ่ด้วยการคืนเมืองคาเมียด โดยทรงให้เหตุผลว่า “เงินทองไม่สามารถไถ่กษัตริย์ ประเทศฝรั่งเศสได้” ทั้งนี้เพื่อรักษาเกียรติถูมิความเป็นกษัตริย์ของพระองค์ แม้ว่าการทำสงครามครูเสดครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่พระเจ้าหลุยส์ก็ยังถือว่าเป็นผู้ชนะในด้านศักดิ์ศรี พวกมุสลิมประทับใจกับความเชื่อของพระองค์เมื่อได้รับอิสภาพแล้ว พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่ในประเทศซีเรียอีก 4 ปี เพื่อสร้างป้อมปราการ และเมืองต่างๆในครอบครองของกองทัพครูเสด พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงรบในสงครามครูเสดครั้งที่ 8 ในปี ค.ศ 1270 แต่กองทัพของพระองค์อยู่ใกล้เมืองคูนีส ที่มีกาฬโรคกำลังระบาดอยู่ และไม่นานพระองค์ก็ทรงเป็นโรคร้าย และเสร็จสวรรคตในวันที่ 25 สิงหาคม 1270 คำพูดสุดท้ายของพระองค์ตรัสถึงพระคริสตเจ้าว่า “เราจะเข้าสู่เคหาสน์ของพระเจ้า เราจะเข้าไปในพระวิหารอันศักดิ์ของพระองค์ และเราจะกล่าวถึงพระนามของพระองค์”
นักบุญหลุยส์ทรงมีพระประสงค์ให้มีการประกาศพระศาสนาในเมืองคูนีส และดังนั้นข้อความส่วนหนึ่งในสัญญาสันติภาพที่ทำขึ้น หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้วคือ นักบวชคาทอลิก สามารถสร้างวัดวาอารามและประกาศพระศาสนาได้ ซึ่งเป็นชัยชนะตามพระประสงค์ของท่านนักบุญหลุยส์