เชื่อในพระเยซูเจ้าไม่ใช่จะต้องมองหรือแตะสัมผัสตัวพระเยซูเจ้า
“ผู้ที่เชื่อแม้ไม่ได้เห็นก็เป็นสุข”(ยน.20:29) จากประโยคนี้ พระเยซูเจ้าทรงเน้นว่า การเชื่อในพระองค์ ไม่จำเป็นต้องเห็นพระองค์หรือแตะต้องตัวของพระองค์ เหมือนดังที่โทมัสพูดกับเพื่อน ๆ ในวันนี้ว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกาย ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” (ยน.20:25)
บทอ่านที่ 1 มีคำว่าเชื่อ อยู่ 2 คำ
บทอ่านที่ 2 มีคำว่าเชื่อ อยู่ 3 คำ
ส่วนในพระวรสารมีคำว่าเชื่ออยู่ 6 คำ
ดังนั้น คำว่าเชื่อ จริง ๆ แล้วแปลว่าอะไร และเมื่อเชื่อแล้ว ก็จะมีความสุข มันคืออะไร
ความหมายของคำว่าเชื่อ ถูกอธิบายไว้เล็กน้อยในบทอ่านที่ 2 จากจดหมายของนักบุญยอห์นอัครสาวก ท่านเขียนไว้ในประโยคต่อไปนี้ในข้อ 2 และ 3
ข้อ 2 “…….เมื่อเรารักพระเจ้าและปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ข้อ 3 ความรักต่อพระเจ้าคือการปฏิบัติตามบทบัญญัติ………” (1ยน5:2-3)
คำสำคัญใน 2 ข้อนี้ก็คือ รัก และอีกคำหนึ่งคือ ปฏิบัติตาม
สรุปแล้วคำ 3 คำเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่นคือคำว่า เชื่อ รัก และ ปฏิบัติตาม
คนที่เชื่อในพระเยซูเจ้า ก็ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอน และเมื่อเราปฏิบัติ 2 สิ่งนี้ ก็จะเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า เรารักพระเยซูเจ้าจริงๆ ไม่ใช่รักแต่ปาก
สรุปแล้วประโยคหลังเสกศีลที่ว่า “ให้เราประกาศพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ” มีคำ ๆ หนึ่งที่ตกไปก็คือ คำว่าฟัง เพื่อจะพูดให้ครบต้องพูดดังนี้ “ให้เราประกาศพระธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อฟัง”
เชื่อในพระเยซูเจ้าไม่ใช่เชื่อแบบลอยๆ แต่เชื่อในพระเยซูเจ้าก็คือต้องเชื่อฟัง และเมื่อเราเชื่อฟัง พระเยซูเจ้าโดยปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์สอน ก็แสดงว่า เรารักพระเยซูเจ้าอย่างแท้จริง และเมื่อปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์สอนแล้ว พระเยซูเจ้าก็จะเสด็จมาประทับในตัวเรา และนี่คือที่มาของความสุข ใครที่มีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ในตัว ผู้นั้นจะมีความสุขสงบ
สวัสดี
คุณพ่อสานิจ สถะวีระวงส์